เทคนิคผ่าตัดแบบแผลเล็ก เสียเลือดน้อย รักษาเนื้องอกมดลูก เก็บมดลูกไว้ใช้งาน สำหรับคุณสุภาพสตรี

พันธุกรรมชี้เบาะแส “การปวดท้อง”


ปัญหาเนื้องอกมดลูก พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ และก่อให้เกิดการบั่นทอนคุณภาพชีวิตคุณสุภาพสตรีได้ ดังเช่นผู้ป่วยสาวโสดรายหนึ่งที่ต้องมีอาการปวดท้องน้อยเวลามีประจำเดือนและปวดมาก ได้ประมาณ 1-2 ปี แต่ด้วยความที่เจ้าตัวมีความรู้และใส่ใจในการดูแลสุขภาพจึงได้หาข้อมูลจากประวัติในครอบครัวและได้ทราบว่าสุภาพสตรีในครอบครัวหลาย ๆ คนเป็นเนื้องอกในมดลูกแทบทั้งนั้น จึงส่งผลให้ “คุณปานดวงเนตร กล่อมใจ” วัย 28 ปีได้ปรึกษาหารือเรื่องนี้กับสูตินรีแพทย์ใกล้บ้าน แต่เนื่องจากยังไม่เคยผ่านการแต่งงานคุณหมอผู้ตรวจจึงทำอัลตร้าซาวด์ผ่านทางหน้าท้อง และปรากฏว่าไปเจอ “เนื้องอกในมดลูก” ขนาด 6 เซนติเมตร 1 ก้อนอยู่ที่บริเวณกล้ามเนื้อมดลูก จึงอธิบายได้ว่าอาการปวดท้องประจำเดือน อาการปวดท้องน้อยที่รบกวนผู้ป่วยรายนี้น่าจะมีสาเหตุมาจากเรื่องของมดลูกนี่เอง!!!...

  “... ปกติเป็นคนปวดท้องประจำเดือนอยู่แล้ว คือปวดมาก ปวดที่ท้องน้อยแล้วก็มีอาการปวดปัสสาวะบ่อย ปวดบ่อยจนรู้สึกว่ามันผิดปกติเมื่อประมาณช่วง 2 ปีหลังนี่เองค่ะ มีอยู่วันหนึ่งที่ปวดมากโดยที่ไม่ได้เป็นประจำเดือนก็เลยรู้สึกว่าต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้านก่อนดีกว่า พอตรวจปุ๊บก็เจอเนื้องอกที่มดลูกขนาดใหญ่แต่ในใจคิดว่าจะไปปรึกษากับคุณหมออรัณโดยยังไม่คิดว่าจะไปผ่าที่โรงพยาบาลไหน และก็ได้นำผลการตรวจจากคุณหมอสูติฯ ไปปรึกษากับคุณหมออรัญที่โรงพยาบาลสุขุมวิท อีกทั้งได้ยินชื่อเสียงคุณหมออรัณมานานก็เลยตัดสินใจผ่าตัดที่โรงพยาบาลสุขุมวิทเลย...


เลือกรักษาได้ด้วยการผ่าตัดที่มี 2 วิธีมาตรฐาน...


“นพ.อรัณ ไตรตานนท์”... แพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวช สาขามะเร็งนรีเวชวิทยา “โรงพยาบาลสุขุมวิท” เจ้าของไข้ที่ได้ทำการผ่าตัดรักษา “คุณปานดวงเนตร” ซึ่งคุณหมอได้อธิบายสรุปให้ฟังว่าโดยทั่วไปอาจจะตอบไม่ได้ว่าสาเหตุของโรคนี้คืออะไร แต่ในกรณีนี้ค่อนข้างชัดว่า “พันธุกรรม” เป็นเรื่องที่โดดเด่นเนื่องจากพบประวัติในครอบครัวเดียวกันเป็นเนื้องอกมดลูก จึงอาจมีพันธุกรรมหรือยีนส์ทำให้เกิดเนื้องอกมดลูกติดมาตั้งแต่เป็นทารก การตรวจสุขภาพประจำปีสามารถรู้ทันรักษาได้ เพราะจะได้ทราบสาเหตุการปวดท้องได้ชัดเจน โดยหากปล่อยไว้จะมีอาการเช่น ปวดท้องประจำเดือนมากกว่าปกติ, ปัสสาวะบ่อย, มีประจำเดือนมากผิดปกติ, ท้องผูกผิดปกติ, อยู่เฉยๆก็มีอาการปวดท้อง บางรายอาจส่งผลให้เกิดปัญหาการมีบุตรยาก เนื่องจากก้อนเนื้อไปปิดกั้นทางเดินของตัวอสุจิไม่ให้เข้าไปในท่อนำไขได้หรือเนื้องอกอาจส่งผลให้โพรงมดลูกผิดรูป ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถมาฝังตัวเจริญเติบโตในมดลูกได้

ส่วนในแง่ของการรักษานั้นแบ่งเป็น 3 วิธีหลัก อย่างแรกคือคอยเฝ้าติดตามขนาดของเนื้องอกด้วยการทำอัลตร้าซาวด์ทุก 6 เดือน... ต่อมาคือการใช้ยาบางชนิดเพื่อไปบล็อกฮอร์โมนที่ไปเลี้ยงเนื้องอกมดลูกเพื่อให้มันค่อย ๆ ฝ่อลงหรือไม่โตขึ้นกว่าเดิม...สุดท้ายคือวิธีรักษาด้วยการผ่าตัดซึ่งปัจจุบันทำได้ทั้ง “การผ่าตัดผ่านกล้อง” กับ “วิธีผ่าตัดแบบมาตรฐาน”

พร้อมกับอธิบายเสริมว่า...

“...สำหรับในเคสนี้ การรักษาที่เหมาะสมมีหลายทางครับเนื่องจากขนาดเนื้องอกประมาณ 6 เซนติเมตรถือว่ายังไม่ใหญ่มากอยู่ในระดับกลาง ๆ ครับ แต่ว่าคนไข้มีอาการปวดท้องน้อยมากซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของคนไข้ การแก้ปัญหาก็คือ หนึ่งการทานยาแก้ปวดประคับประคองดูก่อนถ้าอาการปวดดีขึ้นไม่ต้องผ่าตัดก็ได้ครับ แต่ว่าในกรณีนี้เนี่ยทานยาแก้ปวดแล้วก็ยังมีอาการไม่สุขสบายจากการปวดประจำเดือน การผ่าตัดคือตอบโจทย์สำหรับเคสนี้ จึงแนะนำให้คนไข้ผ่าตัดเพื่อเลาะเอาเนื้องอกออกจากตัวมดลูกครับ …แต่บังเอิญว่าตำแหน่งของเนื้องอกของคนไข้รายนี้อยู่ในจุดเสี่ยง จึงไม่แนะนำให้ทำการผ่าตัดผ่านกล้องเพราะอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงเกิดขึ้น จึงคุยกับคนไข้แล้วเห็นพ้องต้องกันว่าเราจะผ่าตัดแบบมาตรฐาน แต่เนื่องจากคนไข้มีอายุน้อยและห่วงเรื่องความสวยงาม จึงได้แนะนำให้ทำการผ่าตัดแบบเล็กโดยเปิดแผลประมาณ 4-5 เซนติเมตรที่บริเวณหน้าท้องในแนวขวาง หรือที่เรียกว่า Myomectomy (mini-explo) ซึ่งจะมีขนาดใหญ่ว่าแผลผ่าตัดผ่านกล้องเล็กน้อย แต่ถือว่าเป็นการผ่าตัดมาตรฐานเช่นกัน โดยเวลาผ่าตัดจะสามารถเห็นได้ว่าท่อไตอยู่ตรงไหน เนื้องอกอยู่ตรงไหนจึงสามารถแยกได้อย่างชัดเจนทำให้การผ่าตัดค่อนข้างปลอดภัย และสามารถเก็บมดลูกไว้ใช้งานได้ปกติ...”


ความรู้สึกผู้ป่วย...ก่อน-หลังการผ่า!


“ข้อดี-ข้อเสียจากการผ่าตัดแผลเล็กหรือการผ่าตัดผ่านกล้อง” คือจะทำให้เกิดแผลเล็ก-เจ็บน้อย-ฟื้นตัวเร็ว ปัจจุบันในประเทศไทยเรามีเทคโนโลยีที่ค่อนข้างเจริญก้าวหน้าจึงมีการผ่าตัดเนื้องอกในมดลูกผ่านกล้องกันมากขึ้น ซึ่งคนไข้จะได้ประโยชน์จากการนอนพักในโรงพยาบาล 1-2 วันก็กลับบ้านได้โดยมีแผลเป็นประมาณ 8 มิลลิเมตร 1-3 รอยที่หน้าท้อง ค่าใช้จ่ายไม่สูงมากและมีทั้งโรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลรัฐบาลหลาย ๆ แห่งสามารถให้การรักษาแบบนี้ได้...

ส่วนในกรณีของ “คุณปานดวงเนตร” ที่คุณหมอพิจารณาแล้วเห็นสมควรใช้ “วิธีผ่าตัดแบบเปิดแผลเล็ก” โดยไม่ต้องทำผ่านกล้องนั้น ได้นำมาซึ่งประสบการณ์ที่เจ้าตัวบอกว่า

“...ทั้ง ๆ ที่ก่อนผ่ามีความกังวลไม่รู้ว่าจะเจ็บขนาดไหน แผลจะใหญ่เท่าใดแต่พอหลังผ่าตัดแล้วรู้สึกว่ามันไม่เจ็บอย่างที่คิดเพราะรับได้แล้ว และแผลก็ไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิดด้วยแม้จะเป็นการผ่าตัดเปิดแผลก็ตาม หลังผ่าตัดได้พักฟื้นอยู่ประมาณ 3 วัน 2 คืนค่ะ ผ่าตัดออกมาวันแรกยังเจ็บอยู่แต่เมื่อผ่านไม่ถึง 7 วันก็เริ่มเดินได้ เริ่มกินข้าวกินอะไรได้ปกติ คือคุณหมอก็ไม่ได้ห้ามอะไรเลย อาการปวดท้องประจำเดือนก็รู้สึกว่าดีขึ้น แต่ตอนนี้ผ่าตัดมายังไม่ถึงเดือนแต่ก็รู้สึกว่าเดินได้ รู้สึกเลยว่าฟื้นตัวเร็วกว่าเคสของคนอื่นที่เรารู้จักค่ะ...เรื่องปวดท้องก็หายค่ะ ไม่มารบกวนอีก อาการก็โอเคขึ้นมาก ใช้ชีวิตได้ทำงานได้อะไรอย่างนี้ค่ะ...ก็อยากฝากนะคะว่าจริง ๆ แล้วใครที่อายุไม่ถึง 30 ก็เป็นได้นะ คือเพื่อน ๆ ที่กลัวอาย ไม่ไปพบคุณหมอก็อยากบอกว่าไม่ต้องอายหรอกเพราะถ้ามันเป็นหนักแล้วจะหนักใจมากกว่าค่ะ...”



นพ. อรัณ ไตรตานนท์

นพ. อรัณ ไตรตานนท์
แพทย์ผู้ชำนาญการด้านมะเร็งนรีเวชวิทยา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
ศูนย์สูติ-นรีเวช
ชั้น 2A โรงพยาบาลสุขุมวิท
โทร. 02-391-0011 ต่อ 356, 357

ติดตามรับข้อมูลข่าวสารอัพเดทจากทางโรงพยาบาล: 

     
VAR_INCL_CK