“เนื้องอกมดลูกและถุงน้ำรังไข่” โรคที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม
เนื้องอกในมดลูก
เนื้องอกมดลูก คือ เนื้องอกที่เกิดขึ้นในตัวมดลูกอาจพบเนื้องอกในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งของตัวมดลูก และพบขนาดแตกต่างกันออกไป ในบางกรณีที่พบเนื้องอกมดลูกก้อนเดียว บางกรณีก็พบเนื้องอกมดลูกหลายก้อน และพบได้บ่อยในผู้หญิงช่วงอายุ 30-45 ปี ลักษณะอาการที่จะสงสัยว่าเป็นเนื้องอกในมดลูก ได้แก่
- ปวดประจำเดือน
- ประจำเดือนมามากผิดปกติจนมีอาการโลหิตจาง เช่น วิงเวียน หน้ามืด เหนื่อยง่าย
- ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
- มีลูกยาก
ถ้าเนื้องอกมีขนาดใหญ่จนไปกดทับกระเพาะอาหารทำให้ปัสสาวะบ่อย หรือไปกดทับลำไส้ทำให้ท้องผูก ทั้งนี้ลักษณะของเนื้องอกในกล้ามเนื้อมดลูกมีอยู่ 3 รูปแบบคือ
- แบบยื่นเข้าไปในโพรงมดลูก (Sub-mucous type)
- อยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก (Intramural type)
- อยู่นอกมดลูก (Subserous type)
ถุงน้ำรังไข่
มีลักษณะเป็นถุงที่เต็มไปด้วยของเหลวซึ่งก่อตัวขึ้นได้ในรังไข่ อาจเกิดจากการที่ไข่ไม่ตกหรือมีการแบ่งเซลล์ผิดปกติ ซึ่งลักษณะอาการที่จะสงสัยว่าเป็นถุงน้ำรังไข่คือ
- ปวดท้องน้อย
- ปัสสาวะบ่อย
- ปวดประจำเดือน
- คลำก้อนได้ที่ท้องน้อย
- ปวดท้องน้อยเฉียบพลันจากการบิดขั้วของถุงน้ำหรือถุงน้ำรังไข่แตก
- มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
ทั้งนี้ โรคถุงน้ำในรังไข่หรือซีสต์มีอยู่หลายประเภท คือ
- ฟังค์ชั่นนัลซีสต์ (Functional Cyst) ถุงน้ำรังไข่ที่เกิดจากการทำงานตามปกติของรังไข่ เพื่อสร้างไข่ที่เป็นเซลล์สืบพันธุ์ของฝ่ายหญิง จะเป็นถุงน้ำที่โตขึ้นแล้วแตก ทำให้มีการตกไข่แล้วนั้น ถุงน้ำจะค่อย ๆ ยุบไปเองพบบ่อยที่สุดในสตรีวัยเจริญพันธุ์ระหว่างอายุ 18-45 ปี
- เนื้องอกถุงน้ำรังไข่ (Ovarian Tumor หรือ Ovarian Cyst) เนื้องอกรังไข่ชนิดที่มีของเหลวภายใน ซึ่งอาจเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงหรือร้ายแรงก็ได้ โดยส่วนมากเนื้องอกแต่ละชนิดจะมีลักษณะเฉพาะพอที่จะขยายได้ว่าเป็นชนิดใด เช่น ถุงน้ำเดอร์มอยด์ซีสต์(Dermoid Cyst) ซึ่งภายในถุงน้ำจะมีน้ำ ไขมัน เส้นผม ฟัน หรือกระดูกอ่อน ซึ่งเมื่อตรวจเอ็กซเรย์หรือตรวจอัลตราซาวด์ก็มักจะพบได้ว่าเป็นเนื้องอกชนิดนี้
- อีกชนิดที่พบได้บ่อยคือ ช็อกโกแลตซีสต์(Chocolate Cyst) ถุงน้ำที่เกิดจากเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ที่เกิดขึ้นที่รังไข่ เมื่อมีรอบเดือน เยื่อบุโพรงมดลูกจะมีเลือดซึมออกมาสะสมในถุงน้ำนี้เรื่อย ๆ จนเป็นเลือดเก่าๆ ข้นๆ สีคล้ายช็อกโกแลต
รู้หรือไม่ว่า ?
เมื่อกล่าวถึงโรคผู้หญิงที่พบได้บ่อยเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้นโรคที่กล่าวมาข้างต้น ในผู้ป่วยหลายรายต้องลงเอยด้วยการผ่าตัดแทบทั้งสิ้น ในปัจจุบัน ได้มีเทคโนโลยีการรักษาด้วยการผ่าตัดผ่านกล้องเข้ามาช่วย ทำให้มีประสิทธิภาพในแง่ของการผ่าตัดดีขึ้นไม่ว่าจะเป็น
- แผลเล็ก
- เจ็บน้อย
- ฟื้นตัวเร็ว
แต่ในบางครั้ง การใช้เทคโนโลยีผ่าตัดผ่านกล้องก็มีข้อจำกัดในบางภาวะหรือบางโรคที่ไม่สามารถทำได้ต้องให้แพทย์พิจารณาอีกครั้ง
วิธีการรักษาเนื้องอกในมดลูก
- การตรวจติดตามเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงของขนาดก้อน ในผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือใกล้วัยหมดประจำเดือน
- การใช้ยาเพื่อควบคุมอาการผิดปกติที่เกิดจากเนื้องอกมดลูก เช่น อาการปวด อาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
- การผ่าตัด เมื่อมีข้อบ่งชี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าทั้งอายุของผู้ป่วย ความต้องการมีบุตร โดยแบ่งออกเป็น
- การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง เป็นวิธีที่ใช้มานาน เปิดแผลยาวบริเวณหน้าท้องประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อเอามดลูกหรือเนื้องอกออก เนื่องจากแผลใหญ่ การเจ็บแผลหลังจากผ่าตัดจะมีค่อนข้างมากและใช้เวลาในการพักฟื้นหลังการผ่าตัดมากกว่าวิธีการรักษาในรูปแบบอื่น ๆ
- การผ่าตัดเอามดลูกออกทางช่องคลอด ใช้สำหรับผู้ที่มีมดลูกหย่อน ไม่เหมาะกับผู้ที่มีเนื้องอกมดลูกใหญ่หรือผู้ที่ต้องการผ่าตัดปีกมดลูกร่วมด้วย
วิธีการรักษาถุงน้ำรังไข่
- การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง ในกรณีก้อนใหญ่มากสงสัยว่าจะเป็นมะเร็ง กรณีผ่าตัดฉุกเฉินในภาวะที่ผู้ป่วยวิกฤต มีภาวะช็อคหรือเสียเลือดมาก
- การผ่าตัดผ่านกล้องทางหน้าท้อง ปัจจุบันเป็นวิธีที่แพร่หลายมากขึ้นและเป็นมาตรฐานในหลายประเทศทั่วโลก โดยวิธีนี้แพทย์จะทำ การเปิดแผลขนาดเล็ก 0.5-1 เซนติเมตร จำนวน 3-4 แผลที่หน้าท้องแล้วใช้กล้องและเครื่องมือเข้าไปผ่าตัดในช่องท้อง
- การผ่าตัดส่องกล้องแบบไร้แผล เป็นวิธีการผ่าตัดแบบใหม่ที่ผู้ป่วยจะไมมี่แผลที่หน้าท้องเลย โดยแพทย์จะผ่าตัดส่องกล้องทางรูเปิดตามธรรมชาติ เช่น ช่องคลอดในสตรี แล้วใช้เครื่องเข้าไปผ่าตัด เพื่อนำเนื้องอกหรือมดลูกออก แต่อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่จะผ่าตัดด้วยวิธีนี้ได้ต้องขึ้นอยู่กับภาวะของผู้ป่วยแต่ละบุคคลและวิจารณญาณของแพทย์ ในการเลือกใช้วิธีผ่าตัดที่เหมาะสม
“การผ่าตัดผ่านกล้อง” มีข้อดีอย่างไร?
- เสียเลือดน้อย
- เจ็บแผลน้อย
- ฟื้นตัวเร็ว ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติเร็วขึ้น
- มีความแม่นยำสูงในการผ่าตัด
แม้ว่าคุณผู้หญิงจะไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัว หากรู้ตัวก็ต่อเมื่อก้อนมีขนาดใหญ่แล้วและเกิดภาวะแทรกซ้อน ดังนั้น ขอแนะนำให้ตรวจสุขภาพประจำปี ทั้งการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูก ตรวจภายในและอัลตราซาวด์เพื่อประเมินมดลูกและรังไข่ร่วมด้วย