ในธรรมชาติ... สิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนต้องการอาหารเป็นพื้นฐานสำหรับการดำรงชีวิต พืชต้องการน้ำ แสงแดด อากาศ และแร่ธาตุต่างๆ ในดิน เพื่อนำมาสังเคราะห์เป็นอาหาร และอื่นๆ ตามลักษณะของพืชแต่ละชนิด สัตว์แต่ละชนิดต้องการอาหารต่างกันไป คนเราก็เช่นกันก็ต้องการอากาศ น้ำ และอาหารในปริมาณแต่ละชนิดที่เหมาะสม จึงจะดำรงชีวิตเจริญเติบโต และแข็งแรงพอที่จะดำรงชีวิตอย่างปกติสุขได้
แต่เนื่องจากอากาศและน้ำเป็นสิ่งที่เรารับเข้าไปด้วยความเคยชิน โดยเฉพาะอากาศต้องสูดหายใจอยู่ตลอดเวลา เราจึงไม่รู้สึกว่าจะเป็นอาหาร ในความหมายโดยทั่วๆ ไป เช่นเดียวกับน้ำ แต่ทั้ง 2 อย่างนี้ร่างกายขาดไม่ได้ โดยเฉพาะอากาศถ้าขาดเพียงไม่กี่นาทีก็จะเสียชีวิตได้ ขาดน้ำไม่กี่วันก็เสียชีวิตได้ ส่วนอาหารร่างกายสามารถขาดได้เป็นเดือนจึงจะเสียชีวิต ร่างกายมีความสามารถในการสะสมอาหารไว้ใช้ในยามขาดแคลนได้
บทความนี้จะกล่าวถึงเฉพาะอาหารในความหมายหลังนี้เท่านั้น อาหารที่เรารับประทานเข้าไปมีหลากหลาย โดยเฉพาะในปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีผลิตภัณฑ์อาหารออกมามากมาย แต่ทั้งหมดก็ยังคงแยกแยะออกเป็นสารอาหารพื้นฐานได้ 5 หมู่ หรือ 5 กลุ่มเหมือนเดิม ดังที่เราๆ พอจะทราบกันอยู่ กล่าวคือ
อาหารพื้นฐานได้ 5 หมู่ | |
---|---|
หมู่ | รายการอาหาร |
กลุ่มที่ 1 Carbohydrate (คาร์โบไฮเดรต) |
แป้ง น้ำตาล ข้าว ขนม น้ำหวาน เผือก มัน ข้าวโพด |
กลุ่มที่ 2 Protein (โปรตีน) |
เนื้อสัตว์ นม และพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเหลือง |
กลุ่มที่ 3 Vitamin (วิตามิน) |
เกลือแร่ และวิตามิน ซึ่งมีอยู่ในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ และพืช ผักผลไม้ ไข่ นม |
กลุ่มที่ 4 Vitamin (วิตามิน) |
ใยอาหาร (Fiber) น้ำย่อยต่างๆ (Enzymes) สารอื่นๆ เช่น เม็ดสีต่างๆ (Phytonic pigment) คาร์โรทีนอยด์ (Carotenoids) สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ซึ่งมีอยู่ในอาหารประเภทพืชผักผลไม้ |
กลุ่มที่ 5 Fat (แฟท) |
ไขมัน เช่น มันหมู มันไก่ ไข่แดง น้ำมันพืช กะทิ นม |
จะเห็นได้ว่าอาหาร 1 อย่าง เช่น ไข่ไก่ 1 ฟอง จะมีสารอาหารองค์ประกอบย่อยเกือบครอบทั้ง 5 หมู่เลย คือ มีทั้งคาร์โบไฮเดรต, ไขมัน, โปรตีน, เกลือแร่, วิตามิน ฯลฯ แต่มีมีอย่างละนิดอย่างจะหน่อย โดยที่ไข่ขาวจะประกอบด้วยสารอาหารประเภทโปรตีนเป็นหลัก และไข่แดงจะประกอบด้วยสารอาหารประเภทไขมันเป็นหลัก
ได้มีการศึกษาไว้นานหลายปีแล้วถึงปริมาณสารอาหาร วิตามิน เกลือแร่ ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย แต่ในทางปฏิบัตินั้นเป็นการยากที่จะตรวจวัดว่าในแต่ละวัน คนเรารับประทานสารอาหารได้ครบถ้วนตามที่ร่างกายควรได้รับหรือไม่ ดังนั้นจึงมีคำแนะนำกลางๆ ไว้ดังนี้
สารพิษที่ปนเปื้อนในอาหาร นอกจากจะทำให้เจ็บป่วยแบบเฉียบพลันแล้ว บางชนิดก็เป็นแบบเรื้อรัง ถ้ารับประทานต่อเนื่อง หรือบ่อยเกินไป เช่น ที่ปรากฏในข่าวหนังสือพิมพ์เช่นกัน ถึงการพบสารกันบูดเกินขนาดในเส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก เส้นหมี่ จากจังหวัดหนึ่งในภาคกลาง และสารโลหะหนัก เช่น ปรอท ตะกั่ว ฯลฯ ในหูฉลาม เป็นต้น ซึ่งจะไม่ปรากฏอาการเจ็บป่วยหลังรับประทานอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อนเหล่านี้ในทันที แต่จะมีอาการหลังรับประทานไปแล้วนานหลายเดือน หรือเป็นปีถ้าได้รับอย่างต่อเนื่อง เพราะจะมีการสะสมของสารพิษเหล่านี้
กล่าวโดยสรุป อาหารเป็นสิ่งมี่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ควรรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วน หลายหลายเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่ควารให้มากเกินที่ร่างกายใช้งาน (โดยดูจากน้ำหนักตัว ต้องไม่เพิ่มขึ้น) เลือกชนิดของอาหาร โดยคำนึงถึงประโยชน์ และโทษที่อาจจะได้รับจากการรับประทานอาหารชนิดนั้น
คราวหน้าพบกับ "อาหาร คือ แหล่งสำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระ"
เรียบเรียงโดย : นพ.ทวีสุข พงศ์นคินทร์
ศูนย์ : อายุรกรรม
ปรึกษาอายุรแพทย์ : 02-391-0011