โรคหลอดเลือดหัวใจตีบเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของคนทั่วโลก โดยโรคดังกล่าวเกิดจากการสะสมของไขมันหรือแคลเซียมในผนังหลอดเลือด โดยเกิดจากความเสื่อมของหลอดเลือดสะสมในร่างกาย ทำให้หลอดเลือดมีการตีบแคบลงซึ่งโดยปกติแล้วหลอดเลือดจะส่งเลือดเข้าไปเลี้ยงหัวใจ แต่เมื่อมีการตีบแคบของหลอดเลือด เลือดซึ่งนำออกซิเจนไปเลี้ยงหัวใจไหลผ่านได้น้อยลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงไม่ไม่เพียงพอ จนเกิดภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ซึ่งจะส่งผลให้มีอาการเจ็บหน้าอก และอาการต่างๆของโรคหลอดเลือดหัวใจ และหากปล่อยไว้คราบไขมันที่สะสมอยู่ที่ผนังของหลอดเลือดชั้นในเกิดแตกออก เกิดการอุดตันที่หลอดเลือดหัวใจอย่างเฉียบพลันขัดขวางการไหลเวียนของเลือด ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตเฉียบพลันได้
คือการตรวจวัดระดับแคลเซียม หรือหินปูนที่ผนังหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ที่อาจเกาะอยู่ที่ผนังหลอดเลือด ลิ้นหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ซึ่งเกิดจากการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดแดงและจะเกิดการสะสมก่อนอาการของโรคหัวใจนานหลายปี ปริมาณแคลเซียมนี้สามารถทำนายโอกาสเกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้ และช่วยป้องกันการเกิดภาวะการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Heart Attack) เพื่อหาทางป้องกันรักษาการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ ทั้งการปรับรูปแบบการดำเนินชีวิต การรับประทานยา หรือแม้แต่การเข้ารับการรักษาฉีดสีและขยายหลอดเลือดหัวใจได้ทันการ ซึ่งการตรวจวัดระดับแคลเซียมผนังหลอดเลือดหัวใจ (CT Calcium Score) ยังถือเป็นวิธีการที่สะดวก แม่นยำ ปลอดภัย และเชื่อถือได้ที่สุด ในการตรวจหาภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันก่อนเกิดโรค และเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Heart Attack)
การเข้ารับการตรวจวัดระดับแคลเซียมผนังหลอดเลือดหัวใจ (CT Calcium Score) ผู้เข้ารับการตรวจไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวใดมากมาย แค่หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีน กาแฟ ชา ต่างๆ สูบบุหรี่ และการออกกำลังกายก่อนเข้ารับการตรวจ 4 ชั่วโมง
นพ. นิวิธ กาลรา
แพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ และหลอดเลือด