มะเร็งตับปฐมภูมิชนิด Hepatocellular carcinoma (HCC)

มะเร็งตับปฐมภูมิชนิด Hepatocellular carcinoma (HCC)

เป็นโรคที่เป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขและพบได้บ่อยทั่วโลก ข้อมูลทางระบาดวิทยาในประเทศไทย มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตเป็นอันดับหนึ่งในเพศชาย และอันดับสามในเพศหญิง

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในการเกิดมะเร็งตับคือภาวะตับแข็ง การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซีเรื้อรัง การดื่มสุรามากกว่า 80 กรัมต่อวันติดต่อกันเป็นเวลานาน การสูบบุหรี่ ภาวะอ้วนลงพุง ภาวะตับอักเสบเรื้อรังจากไขมันพอกตับ และการได้รับสารก่อมะเร็ง Aflatoxin จากการรับประทานอาหารแห้งปนเปื้อนเชื้อราเนื่องจากเก็บรักษาไว้ในที่ชื้น (เช่นถั่วลิสงป่น พริกป่น พริกแห้ง ปลาแห้ง หรือธัญพืชต่าง ๆ ) รวมถึงการมีเนื้องอกตับชนิด Hepatic adenoma ซึ่งสามารถพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้ในที่สุด

มะเร็งตับ

อาการแสดง

ในผู้ป่วยที่มีก้อนขนาดเล็กมักไม่แสดงอาการ หากก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้นมักมีอาการปวดท้องใต้ชายโครงขวา จุกแน่นลิ้นปี่ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตัวเหลือง ตาเหลือง ขาบวม ท้องมานน้ำ หากก้อนมีขนาดใหญ่มากจนเกิดการแตกหรือฉีกขาดจะทำให้ผู้ป่วยมาด้วยอาการปวดท้องเฉียบพลัน โลหิตจางร่วมกับมีอาการความดันโลหิตต่ำผิดปกติได้ การลุกลามของมะเร็งไปนอกตับมักจะไปที่ปอด และกระดูก จะทำให้มาด้วยอาการเหนื่อยง่าย หรือปวดกระดูก

การตรวจคัดกรอง

ผู้ที่ควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งตับมีดังต่อไปนี้

  1. ผู้ป่วยที่ตับแข็งไม่ว่าจากสาเหตุใด
  2. ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี เพศชายที่อายุมากกว่า 40 ปี และเพศหญิงที่อายุมากกว่า 50 ปี
  3. ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังที่มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งตับไม่ว่าอายุใด
  4. ผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังที่มีผังผืดในตับมาก (F3 fibrosis)

โดยวิธีการตรวจคัดกรองที่แนะนำคือการทำอัลตราซาวด์ช่องท้องร่วมกับการตรวจค่า Alpha fetoprotein (AFP) ทุก 6 เดือน การตรวจค่า AFP เพียงอย่างเดียวไม่สามารถวินิจฉัยมะเร็งตับได้

การวินิจฉัยมะเร็งตับปฐมภูมิ HCC

หากอัลตราซาวด์พบก้อนขนาดน้อยกว่าหนึ่งเซ็นติเมตร แนะนำให้ติดตามอัลตราซาวด์ซ้ำทุกสามถึงหกเดือน หากพบก้อนขนาดมากกว่าหนึ่งเซนติเมตร แนะนำให้ทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือเอกซเรย์แม่เหล็กไฟฟ้าต่อตามดุลยพินิจของแพทย์ หากยังไม่ได้การวินิจฉัยจากการเอกซเรย์อาจต้องทำการเจาะชิ้นเนื้อตับเพื่อยืนยันทางพยาธิวิทยาต่อไป

การป้องกัน

  • การป้องกันการเกิดมะเร็งตับสามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงภาวะตับแข็ง เช่นงดดื่มสุรา ควบคุมอาหารและน้ำหนักเพื่อไม่ให้เป็นโรคอ้วนลงพุงหรือไขมันพอกตับ ควบคุมเบาหวาน
  • หากมีภาวะไขมันพอกตับแล้ว ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกใช้ยาที่ช่วยลดไขมัน ลดการอักเสบหรือลดผังผืดในตับ
  • ควรฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีทุกรายที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันโรค งดการใช้ภาชนะเช่นช้อน แก้วน้ำเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ
  • สำหรับไวรัสตับอักเสบซี ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีน จึงควรป้องกันโดยการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงในการติดเชื้อเช่น การใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น การใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด การใช้เข็มเจาะ สักอวัยวะต่าง ๆ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
  • รักษาไวรัสตับอักเสบบีและซีเรื้อรังและตรวจคัดกรองตามข้อบ่งชี้
  • หลีกเลี่ยงสารก่อมะเร็งตับ Aflatoxin โดยการรับประทานอาหารที่ปรุงสุก ใหม่ หากต้องเก็บอาหารแห้งให้เก็บอย่าให้ถูกความชื้น


พญ.วริศรา รัชปัตย์

พญ.วริศรา รัชปัตย์
แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรกรรมระบบทางเดินอาหารและตับ


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ศูนย์โรคทางเดินอาหารและตับ
ชั้น 1A โรงพยาบาลสุขุมวิท
เปิดบริการทุกวัน 07.00 - 20.00 น.
โทร. 02-391-0011 ต่อ 225-227