หากพูดถึงอาการปวดหลัง ถือว่าเป็นอาการที่พบได้บ่อยและสร้างปัญหาให้แก่คนส่วนใหญ่และเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทั่วไป ส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบจากอาการปวดหลังที่เกิดจากในชีวิตประจำวัน ลักษณะการปวดหลังสามารถเป็นได้ตั้งแต่การปวดแบบธรรมดาแต่ไม่รุนแรง ไปจนถึงอาการปวดแบบเฉียบพลัน ปวดเสียวแปลบ จนส่งกระทบต่อการใช้ชีวิต
สาเหตุของอาการปวดหลังที่เกิดขึ้นสามารถเกิดได้จากหลายๆ ส่วนของบริเวณหลัง ถ้าดูตั้งแต่ผิวหนังไปจนถึงส่วนของด้านในของกระดูกสันหลัง รวมทั้งบางส่วนของอวัยวะในช่องท้องก็ทำให้เกิดอาการปวดหลังได้เช่นกัน เช่น การปวดหลังที่เกิดจากผิวหนังด้วยโรคงูสวัด เมื่อเป็นโรคงูสวัดก็จะมีอาการปวด ปวดแสบ ปวดร้อน ซึ่งหลายคนจะเข้าใจผิดว่าเป็นโรคของอาการปวดหลัง นอกจากนี้ยังมีการปวดที่เกิดจากเส้นเอ็น ข้อต่อต่างๆ ของกระดูก ไปจนถึงหมอนรองกระดูกและเส้นประสาท เรียกว่าเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ถ้าลึกไปกว่านั้นจะเป็นการปวดบริเวณอวัยวะภายใน เช่น ท่อไตหรือมีนิ่วในท่อไตก็สามารถทำให้เกิดอาการปวดหลังได้
สำหรับอาการปวดหลังโดยส่วนใหญ่ประมาณ 80% มาจากระบบกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง ซึ่งในส่วนของกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังสาเหตุก็มาจาก 2 ส่วนใหญ่ๆ ก็คือ
สำหรับอาการปวดหลังที่ปล่อยไว้นานจะก่อให้เกิดอันตรายหรือไม่ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าอาการปวดหลังนั้นเกิดจากสาเหตุอะไร ถ้าเกิดจากสาเหตุของกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นต่างๆ ถ้าปล่อยเรื้อรังก็จะก่อให้เกิดความรำคาญ รู้สึกไม่สบายตัว ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันไม่ปกติ ทำให้ชั่วโมงการทำงานน้อยลงและทำให้ความแข็งแรงของหลังน้อยลงด้วย
แต่ในกรณีอาการปวดหลังที่เกิดจากกระดูกสันหลังและเส้นประสาท ความอันตรายจะมีความรุนแรงมากกว่า เช่น หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนเรื้อรัง ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ หมอนรองกระดูกจนไปกดทับเส้นประสาทมากขึ้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นคืออาการจะเริ่มปวดหลังและร้าวลงไปที่ขา เมื่อมีอาการปวดจะเริ่มมีอาการชาถ้าหากเป็นมากๆ จะเริ่มอ่อนแรงและไปกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง ทำให้ปัสสาวะ อุจาระไม่ออก หรือทำให้เป็นอัมพาตขึ้นมาได้
ทั้งนี้หากพบว่าอาการปวดหลังไม่ดีขึ้นภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ หรืออาการปวดหลังดังกล่าวไม่บรรเทามีแต่จะเพิ่มความรุนแรง หรือมีการขยายบริเวณที่ปวดออกไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดอาการอ่อนแรงหรือมีอาการชา ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
สำหรับการวินิจฉัยอาการปวดหลังสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ แพทย์จะต้องทราบประวัติของผู้ป่วยก่อน เพราะในบางครั้งผู้ป่วยอาจจะเกิดอุบัติเหตุและไม่ได้แจ้งให้แพทย์ทราบ ดังนั้นถ้าหากแพทย์รู้ประวัติของผู้ป่วยอาจจะวินิจฉัยสาเหตุและทำการตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้หากผู้ป่วยที่ไม่ได้รับอุบัติเหตุแพทย์ก็จะทำการสอบถามหาสาเหตุการใช้งานและลักษณะการทำงานของผู้ป่วยเพราะลักษณะของการทำงานก็มีผลก่อให้เกิดอาการปวดหลังได้เช่นกัน เช่น อาชีพช่างซ่อมรถ เพราะต้องก้มๆ เงยๆ หรือเป็นพนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งโต๊ะทำงานเป็นเวลานาน ก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดหลังได้เช่นกัน
เมื่อทำการตรวจร่างกายแพทย์จะดูอวัยวะว่าจุดไหนที่มีอาการแสดงให้เห็น เช่น กล้ามเนื้อมีอาการเกร็ง ตึง หรือไม่ สามารถก้มหรือเงยได้หรือไม่ ซึ่งอาการเหล่านี้จะบ่งบอกถึงความรุนแรงและตำแหน่งภาวะของโรค หลังจากนั้นแพทย์จะทำการเอ็กซ์เรย์คร่าวๆ เพื่อดูโครงสร้างของกระดูกตามด้วยการทำเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์เพื่อดูเส้นประสาทและกล้ามเนื้อรอบๆ การวินิจฉัยอาจจะวินิจฉัยด้วยการทำเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ หรือถ้ายังมีอาการน่าสงสัยแพทย์จะทำการตรวจเส้นประสาท EMG (Electromyography) คือการตรวจเส้นประสาทและกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้านั่นเอง
การรักษาอาการปวดหลังมีมานานมาแล้ว โดยเดิมทีจะมีการผ่าตัดด้วยการเปิดแผล หลังจากนั้นจะมีการแยกกล้ามเนื้อออกเพื่อจะไปสู่กระดูกสันหลังและทำการตัดกระดูกสันหลังบางส่วนเพื่อที่จะเข้าไปสู่ช่องกระดูกสันหลังเพื่อที่จะเข้าไปรักษาด้านใน เมื่อตัดโครงสร้างของกระดูกออกจะทำให้กระดูกอ่อนแรง ความแข็งแรงน้อยลง ดังนั้นจึงต้องสร้างความแข็งแรงด้วยการใส่น็อตเข้าไป วิธีการรักษานี้เป็นวิธีที่ทำมานานหลาย 10 ปี
แต่ในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีการรักษาอาการปวดหลังด้วยการผ่าตัดส่องกล้อง Endoscopic Spinal Surgery ซึ่งการผ่าตัดส่องกล้องคือ การเปิดแผลขนาดเล็กเพื่อนำกล้องส่องเข้าไปในตำแหน่งที่มีอาการปวด เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อนแพทย์จะทำการสอดกล้องเข้าไปตามบริเวณต่างๆ ของร่างกาย จากนั้นแพทย์จะนำตัวหมอนรองกระดูกออกไปหรืออาจจะเปิดรูขนาดเล็กเพื่อจะสอดกล้องเข้าไปซึ่งก็สามารถทำการผ่าตัดได้ทันที
การรักษาด้วยการผ่าตัดส่องกล้องนอกจากรักษาอาการปวดหลังแล้วยังสามารถรักษาอาการปวดขาได้ด้วย ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการปวดขาก็คือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทข้างใดข้างหนึ่งจนทำให้เกิดอาการปวดร้าวลงขา หรือมีกระดูกงอกเพิ่มมากขึ้นจนไปกดทับเส้นประสาทโดยเฉพาะในผู้สูงอายุทำให้มีอาการปวดร้าวลงขา การส่องกล้องจะช่วยขยายตัวกระดูกให้กว้างขึ้นและไปเอากระดูกที่งอกขึ้นออกไป เพื่อที่จะทำให้เส้นประสาททำงานได้ดีขึ้น ในกรณีนี้ทำให้ผู้สูงอายุไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่
“ข้อดีของการผ่าตัดส่องกล้อง Endoscopic Spinal Surgery ต้องบอกว่าข้อดีของการผ่าตัดที่มีแผลเล็กน้อยกว่า 1 cm. ดีต่อผู้ป่วยมากๆ อย่างน้อยที่สุดแผลเล็กกว่าการผ่าตัดใหญ่แน่นอน ลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นต่างๆ เสียเลือดน้อย ค่าใช้จ่ายน้อยลง ระยะเวลาในการผ่าตัดน้อยลง ทำให้ระยะเวลาการพักฟื้นในโรงพยาบาลน้อยลง ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ในกรณีการรักษาด้วยวิธีการส่องกล้องถ้าหากว่าผู้ป่วยเป็นโรคที่มีกระดูกสันหลังคดมากๆ และเกิดอาการบวมมาก ไม่ใช่ว่ารักษาจะไม่ได้ด้วยวิธีการส่องกล้องไม่ได้ แต่ต้องการวิธีการรักษาที่จะมาช่วยเสริมโดยใช้เทคนิคพิเศษในการใส่น็อตเข้าไปเพราะการส่องกล้องอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอต่อการรักษา”
นพ.พูนศักดิ์ อาจอำนวยวิภาส
แพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อ