“ไส้ติ่งอักเสบ” โรคที่เรามักได้ยินกันบ่อย ๆ คือ หนึ่งในโรคที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็ก ไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่มักพบได้บ่อยที่สุดในกลุ่มคนช่วงอายุ 15-30 ปี

ไส้ติ่งอักเสบ คืออะไร?

ไส้ติ่งอักเสบ คือภาวะบวมและอักเสบของไส้ติ่ง ซึ่งเป็นอวัยวะส่วนที่อยู่ปลายสุดของลำไส้ใหญ่ ผู้ที่เป็นไส้ติ่งอักเสบมักจะเริ่มต้นด้วยการมีอาการปวดท้องที่คล้ายคลึงกับอาการปวดท้องทั่วไป ไม่ทราบตำแหน่งของการปวดที่แน่ชัด อาจปวดเป็นพัก ๆ หรือปวดตลอดเวลา หลังจากนั้น อาการปวดจะค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นและเป็นอยู่นานราว 6 ชั่วโมง ตำแหน่งของการปวดจะชัดเจนขึ้น คือจะปวดรอบ ๆ สะดือ คล้ายคนท้องร่วงแต่ถ่ายไม่ออก และอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน และเบื่ออาหาร หลังจากนั้น อาการปวดจะย้ายมาที่บริเวณท้องน้อยด้านขวา จะมีอาการปวดเสียด ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ หากไส้ติ่งเริ่มมีการติดเชื้อขั้นรุนแรง อาจทำให้ไส้ติ่งเน่าและเกิดการแตกได้ โดยปกติแล้วอาการปวดมักจะเกิดขึ้นไม่เกิน 3 วัน จากนั้น ไส้ติ่งจะแตก ซึ่งหากปล่อยไว้จนไส้ติ่งแตกกระจายในช่องท้อง ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น เป็นฝีในท้อง ลำพบก้อน ปวดท้องน้อย มีไข้ ซึ่งอาจจะมีเชื้อโรคและหนอนแพร่กระจายทั่วท้อง และสามารถที่จะแพร่กระจายเข้าสู่เส้นเลือดจนอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

ไส้ติ่งอักเสบ เกิดขึ้นได้จากสาเหตุอะไรบ้าง?

ไส้ติ่งอักเสบนั้น เกิดจากการที่มีสิ่งแปลกปลอมไปอุดตันที่ไส้ติ่ง ทำให้ไส้ติ่งอุดตันจนเกิดการอักเสบ ซึ่งสิ่งที่สามารถไปอุดตันไส้ติ่งได้นั้น อาจเป็น

• เศษอุจจาระที่แข็งตัว
• เศษอาหารตกลงไปในไส้ติ่ง ทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไปจนเกิดการอักเสบขึ้นมา
• พยาธิในลำไส้ เช่น พยาธิตืดหมู
• ก้อนเนื้องอก

ผ่าตัดผ่านกล้องไส้ติ่งอักเสบ แผลเล็ก ฟื้นตัวไว

การรักษาไส้ติ่งอักเสบที่ดีที่สุด คือ การผ่าตัด เพราะไส้ติ่งอักเสบ ไม่สามารถรักษาด้วยการทานยาเพียงอย่างเดียวได้ ซึ่งในปัจจุบัน การผ่าตัดเพื่อรักษาไส้ติ่งอักเสบ สามารถทำได้ 2 แบบคือ

1. การผ่าตัดธรรมดา (Open Surgery) ซึ่งเป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องบริเวณท้องน้อยด้านขวา ขนาดแผลจะอยู่ที่ประมาณ 3-10 เซนติเมตร แต่กรณีที่คนไข้ใส่ติ่งแตก อาจจะต้องผ่าตัดเปิดแผลขนาดยาวกลางหน้าท้องเพื่อล้างช่องท้องด้วย
2. การผ่าตัดแบบแผลเล็กเจ็บน้อย (MIS : Minimal Invasive Surgery) ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก โดยจะวิธีการผ่าตัดแบบที่เรียกว่า การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Surgery) โดยแพทย์จะทำการเจาะรูเล็ก ๆ และสอดกล้องเข้าไปในท้องบริเวณใต้สะดือ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดไส้ติ่งอักเสบ และทำการตัดไส้ติ่งออก ซึ่งข้อดีของการการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ คือ
   • ขนาดแผลที่เล็กลง
   • คนไข้เจ็บตัวน้อยลง
   • ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยลง ฟื้นตัวได้ไว และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้รวดเร็วขึ้น