ไข้หวัดใหญ่กำลังบุกในหมู่ลูกน้อย

ไข้หวัดใหญ่เป็นอีกโรคหนึ่งที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี แต่อาการของโรคไข้หวัดใหญ่นั้นอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยส่วนใหญ่แล้วอาการของผู้ป่วยจะมีไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกาย เจ็บคอ คัดจมูกและน้ำมูกไหล ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ติดต่อจากคนสู่คน และตามปกติแล้วไข้หวัดใหญ่จะระบาดในช่วงฤดูหนาว แต่สำหรับประเทศไทยไข้หวัดใหญ่สามารถระบาดได้ตลอดทั้งปี และทำให้มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคไข้หวัดใหญ่กับสตรีมีครรภ์ คนชรา และโดยเฉพาะกับเด็กๆ ที่ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ ทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อไวรัสต่างๆ ได้ ทำให้ผู้ปกครองต้องเฝ้าระวังเด็กๆ ให้ดีสำหรับหน้าร้อนนี้

สายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ เอ และ สายพันธุ์ บี โดยสายพันธุ์เอ เป็นสายพันธุ์ที่สามารถกลายพันธุ์ได้ง่าย คือ จะประกอบไปด้วย H 1-16 และ N 1-9 ยกตัวอย่างเช่น H1N1 H1N3 หรือ H3N3 ฯลฯ ซึ่งหากจะรักษาไข้หวัดใหญ่ให้หายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นที่จะต้องทราบถึงสายพันธุ์ของไข้หวัดที่ผู้ป่วยคนนั้นมีเชื้อไวรัสอยู่ แต่ในปัจจุบันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่ระบาดอยู่เป็นจำนวนมากคือ สายพันธุ์ เอ H1N1 และ H3N2

ไข้หวัดใหญ่ยังแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่

1. ไข้หวัดใหญ่ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
          อาการของไข้หวัดใหญ่จะขึ้นอยู่กับความอ่อนแอของร่างกายหรืออายุของเด็ก หากเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ มักจะมีอาการชักและมีภาวะแทรกซ้อนทางปอดที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเด็กอาจจะมีการไอมากและอาเจียนตามมา

2. ไข้หวัดใหญ่ที่มีภาวะแทรกซ้อน
          ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการภาวะแทรกซ้อนจากความอ่อนแอของร่างกายจากการเป็นไข้หวัดใหญ่ โดยอาจจะเป็นภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ, ทางเดินหายใจ, หรือทางระบบประสาทซึ่งจะต้องได้รับการรักษาและดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่ สำหรับการป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้นสามารถทำได้ 3 วิธีหลักๆ คือ

1. พาเด็กๆ ไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งโดยปกติแล้ววัคซีนที่ฉีดให้กับเด็กนั้นจะเป็นวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์ คือมีทั้ง H1N1 H3N2 และไวรัสไข้หวัดใหญ่บี 1 สายพันธุ์และวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ คือเอ 2 สายพันธุ์และบี 2 สายพันธุ์ แต่สำหรับวัคซีนชนิดนี้จะมีราคาค่อนข้างสูง

2. การหลีกเลี่ยงการเป็นไข้หวัดใหญ่จากการดำเนินชีวิตประจำวัน จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้น ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน เพราะฉะนั้นแล้วเราสามารถป้องกันการติดไข้หวัดใหญ่ได้ด้วยการ หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้คนที่ป่วย หรือถ้าหากเป็นผู้ป่วยเองควรจะต้องหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผู้อื่นหรือหากจำเป็นจริงๆ จะต้องใช้ผ้าปิดปากเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปยังผู้อื่น รวมไปถึงการดูแลรักษาสุขลักษณะให้สะอาดอยู่เสมอ เช่น การล้างมือให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น

3. หากเป็นไข้หวัดใหญ่จะต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและถูกต้อง โดยปกติแล้วจะมีการรักษาตามอาการต่างๆ ที่เป็นหรือรับยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่เพื่อให้อาการบรรเทาเร็วขึ้น ซึ่งจะต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

วัคซีนน่ารู้สำหรับเด็ก

วัคซีนที่มีความจำเป็นสำหรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้เด็กไทยทุกคนต้องได้รับเป็นวัคซีนที่ป้องกันโรคติดต่อที่สามารถแพร่เข้าสู่เด็กได้ง่ายดังนี้

1. วัคซีนป้องกันวัณโรค เด็กแรกเกิดควรได้รับวัคซีนนี้ทุกคน คนละ 1 ครั้ง
2. วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี ควรฉีดเข็มที่ 1 ตั้งแต่แรกเกิดและเข็มที่ 2 เมื่อมีอายุได้ประมาณ 1-2 เดือน
3. วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ (ชนิดหยอด) แม้เด็กจะมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอก็มีความสำคัญควรหยอดให้เด็กเมื่อมีอายุ 2, 4, 6, 18 เดือน และ 4-6 ปี เพื่อป้องกันเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
4.วัคซีนป้องกันโรคคอตีบและบาดทะยัก ควรฉีดเมื่อมีอายุ 2, 4, 6, 18 เดือน และ 4-6 ปี รวมทั้งหมด 5 ครั้ง
5. วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี ควรฉีดให้เด็ก 2 เข็มแรกตั้งแต่อายุ 12-18 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรก 1 ปี
6. วัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันและคางทูม ควรได้รับการฉีดครั้งที่1 เมื่ออายุประมาณ 9-12 เดือนและเข็มที่ 2 เมื่อมีอายุ 4-6 ปี

คุณพ่อและคุณแม่ควรพาลูกเข้ารับการฉีดวัคซีนพื้นฐานเหล่านี้ให้ครบทุกตัวตามกำหนดอายุที่เด็กควรจะได้รับ เพื่อให้ลูกสามารถสร้างภูมิคุ้มกันสำหรับร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น

เรียบเรียงโดย :
ศูนย์ : กุมารแพทย์
ปรึกษากุมารแพทย์ : 02-391-0011 ต่อ 160-161